โดย อ.พญ.กัณฑริดา ศรีพานิชกุลชัย
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ในยุคที่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมีความสำคัญมากขึ้น “PrEP” หรือ Pre-Exposure Prophylaxis ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
PrEP คืออะไรและใครควรใช้?
PrEP คือยาที่ใช้สำหรับป้องกันเชื้อ HIV ก่อนการมีความเสี่ยง เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HIVแต่มีพฤติกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากกินยาถูกต้องตรงเวลา จะสามารถป้องกัน HIV ได้ มากกว่า 90 %
บุคคลที่ควรพิจารณาใช้ PrEP คือผู้ที่ต้องการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น
-
-
ผู้ที่อาจใช้ถุงยางอนามัยได้ไม่สม่ำเสมอ
-
ผู้ที่ไม่แน่ใจหรือไม่รู้ ผลเลือด HIV ของคู่นอน
-
ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน / เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
-
วิธีการกิน PrEP ที่ถูกต้อง ระหว่าง กินทุกวัน (Daily PrEP) vs กินเฉพาะกิจ (On-Demand PrEP)
การกิน PrEP ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดต้องกินอย่างถูกวิธี ซึ่งมี 2 รูปแบบ ได้แก่
-
การกินทุกวัน (Daily PrEP) เป็นวิธีที่แนะนำโดยทั่วไป เพราะการกินยาทุกวันและตรงเวลา จะง่ายต่อการจดจำและสร้างวินัย
-
การกินเฉพาะกิจ (On-Demand PrEP หรือ “2-1-1”) เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย และสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือต้องไม่เป็นไวรัสตับอักเสบบี และเป็นกลุ่มชายรักชาย วิธีการกินคือ
-
2 เม็ด กิน 2-24 ชั่วโมง ก่อนมีเพศสัมพันธ์
-
1 เม็ด กิน 24 ชั่วโมงถัดมานับจากเวลาที่กินครั้งแรก
-
1 เม็ด กิน 48ชั่วโมงถัดมานับจากเวลาที่กินครั้งแรก
-
ผลข้างเคียงของ PrEP และการตรวจติดตาม
ผลข้างเคียงจากการกิน PrEP พบน้อยมากและมักไม่รุนแรง บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียนในช่วงแรก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะหายไปเองภายใน 1 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น
-
-
ผลต่อกระดูก มีการศึกษาพบว่าการกิน PrEP ระยะยาวอาจทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลงเพียงแค่ 1% และจะกลับมาเป็นปกติเมื่อหยุดยา
-
ผลต่อไต พบน้อยยิ่งกว่า โดยพบเพียง ประมาณ 0.5% ซึ่งหากมีการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบความผิดปกติและหยุดยา การทำงานของไตก็จะกลับมาเป็นปกติได้เช่นกัน
-
PrEP ทำให้อ้วนหรือไม่? PrEP ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้น การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักน่าจะมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า
-
กิน PrEP ต้องตรวจอะไรบ้าง?
ก่อนเริ่มและระหว่างกิน PrEP แพทย์จะนัดตรวจติดตามเพื่อความปลอดภัย โดยจะมีการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ายังไม่ติดเชื้อ HIV และตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ทุกๆ 3 เดือน อาจมีการตรวจการทำงานของไตและตับเป็นระยะหากมีความกังวล
กิน PrEP แล้วยังต้องใช้ถุงยางอนามัยไหม?
คำตอบคือ “ต้องใช้” เหตุผลสำคัญคือ PrEP ป้องกันได้แค่เชื้อ HIV เท่านั้น แต่ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น ซิฟิลิส หนองในหรือ หนองในเทียม เริม หูด ไวรัสตับอักเสบเอ บี และซี ดังนั้น การใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กับการกิน PrEP จึงเป็นวิธีป้องกันที่ครอบคลุม และปลอดภัยที่สุด
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ และ PrEP คือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คนสามารถเข้าถึงการป้องกัน และดูแลสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ต้องการปรึกษาเชิงลึก ปรึกษาทีม Standbyyou แอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่
LINE: @standbyyou https://line.me/R/ti/p/@standbyyou


