โดย อ.พญ.กัณฑริดา ศรีพานิชกุลชัย

ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ได้คาดคิด เช่น ถุงยางอนามัยแตก หรือ ฉีกขาด หลายคนอาจกังวลถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV “PEP” คือคำตอบสำหรับสถานการณ์เหล่านี้ บทความนี้จะสรุปทุกเรื่องที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับยาป้องกัน HIV ฉุกเฉินหลังมีความเสี่ยงค่ะ

PEP คืออะไร และทำงานอย่างไร?

PEP ย่อมาจาก Post-Exposure Prophylaxis คือ ยาป้องกันการติดเชื้อ HIV แบบฉุกเฉินที่ต้องใช้ “หลัง” มีความเสี่ยง พูดง่ายๆ คือเป็นยาฉุกเฉินคล้ายยาคุมกำเนิด แต่ใช้สำหรับป้องกัน HIV เท่านั้น ยา PEP ที่ใช้โดยทั่วไปคือ TLD ซึ่งเป็นการรวมยาต้านไวรัส 3 ชนิดไว้ในเม็ดเดียว

PEP แตกต่างจาก PrEP อย่างไร?

ยา 1 เม็ดเหมือนกัน ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ช่วงเวลาการใช้ และ ชนิดของยา

PrEP (Pre-Exposure) คือยากิน “ก่อนเสี่ยง” เพื่อป้องกันล่วงหน้า ได้แก่ Tenofovir และ Emtricitabine

PEP (Post-Exposure) คือยากิน “หลังเสี่ยง” ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ได้แก่ Tenofovir Lamivudine และ Dolutegravir

เงื่อนไขสำคัญในการใช้ PEP คือ ยิ่งเร็วยิ่งดี

  • ต้องเริ่มกินเมื่อไหร่?

คุณต้องเริ่มกินยา PEP ให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากเกิดเหตุการณ์เสี่ยง ยิ่งเริ่มกินยาเร็วยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงขึ้น หากเกิน 72 ชั่วโมงไปแล้ว ยาอาจไม่สามารถป้องกันได้ทัน

  • ต้องกินนานแค่ไหน? ต้องกินยา PEP ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 28 วัน การกินยาให้ครบ และตรงเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด

การตรวจติดตามและข้อควรปฏิบัติ

  • การตรวจเลือดหลังกิน PEP หลังจากกินยาครบ 28 วันแล้ว แพทย์จะนัดตรวจเลือดเพื่อติดตามผล และจะนัดตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 3 เดือน เพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างแน่นอน

  • ถ้าลืมกินยาต้องทำอย่างไร? หากลืมกินยา เมื่อนึกขึ้นได้ให้รีบกินยาทันที แต่หากลืมบ่อยๆ ประสิทธิภาพของยาจะลดลงและอาจทำให้การป้องกันไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์

เสี่ยงบ่อย กิน PEP บ่อยๆ ได้ไหม?

คำตอบคือ “ไม่แนะนำ” เพราะ PEP ถูกออกแบบมาเพื่อ “กรณีฉุกเฉิน” เท่านั้น สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงบ่อยๆ หรือ กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเป็นประจำ การกิน PrEP (ยาป้องกันก่อนเสี่ยง) ทุกวัน จะเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกว่า เพราะให้การป้องกันที่สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพสูงกว่า 90% นอกจากนี้

อย่าลืมว่า ถุงยางอนามัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ เพราะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ด้วย

ต้องการปรึกษาเชิงลึก ปรึกษาทีม Standbyyou แอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่

LINE: @standbyyou https://line.me/R/ti/p/@standbyyou

บทความที่เกี่ยวข้อง