“ฉี่แล้วแสบ น่าจะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมั้ง…”
“มีแผลขอบแข็ง ไม่เจ็บ ไม่คัน เป็นอะไรนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายเองแหละ” จริงเหรอ? ถ้าคุณ มีอาการเหล่านี้โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยแต่มันอาจเป็นสัญญาณของ “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์”
แล้ว “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” คืออะไร?
เรียกสั้นๆ ว่า STIs (Sexually Transmitted Infections) คือการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก หรือแม้แต่การสัมผัสผิวหนังที่ติดเชื้อ โรคที่พบบ่อย เช่น
-
ซิฟิลิส
-
หนองใน
-
หนองในเทียม
-
หูดหงอนไก่ / HPV
-
HIV
-
เริม
-
และอื่นๆ อีกมากมาย
อาการเบื้องต้นที่ไม่ควรมองข้าม
-
เจ็บ แสบ หรือปวดตอนปัสสาวะ
-
คันภายในหรือรอบอวัยวะเพศ
-
ตกขาวผิดปกติ สี/กลิ่นแปลก
-
มีตุ่มน้ำ แผล หรือผื่นแปลกๆ
-
เจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์
-
มีหนองออกจากปลายอวัยวะเพศ
-
ปวดท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกราน
บางโรค “ไม่มีอาการเลย” แต่ก็สามารถแพร่เชื้อได้ เช่น “ซิฟิลิส” ที่อาจเริ่มจากแผลเดียวจางๆ แล้วหายไปเองแต่ถ้าไม่รักษาอาจลุกลามถึงสมอง ตา หัวใจ ก็อาจเสียชีวิตได้เลย!
“ซิฟิลิส” คืออะไร?
หนึ่งในโรคที่กำลังกลับมาระบาดในวัยรุ่นไทย เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Treponema pallidum ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ “ไม่ใช้ถุงยาง” ระยะแรกมักไม่มีอาการเจ็บ มีเพียงแผลที่อวัยวะเพศ / ปาก / ทวาร ถ้าไม่รักษาเชื้อจะกระจายสู่ร่างกายทำลายระบบประสาท สมอง หัวใจ ถ้าตรวจพบเร็วสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (เช่น Penicillin)
แล้วถ้าเจออาการเหล่านี้ ควรทำยังไง?
-
หยุดการมีเพศสัมพันธ์ทันที (แม้จะใส่ถุงยางก็ไม่ปลอดภัย 100%)
-
รีบไปพบแพทย์ หรือคลินิกเฉพาะทางด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
-
โรงพยาบาล
-
คลินิกนิรนาม
-
ศูนย์บริการสุขภาพเพศวัยรุ่น
-
-
แจ้งคู่นอนเพื่อให้ตรวจ/รักษาพร้อมกัน ป้องกันการ “ติดซ้ำ” จากคนเดิม
ป้องกันตัวเองยังไงให้รอด?
-
ใส่ถุงยางทุกครั้ง (ช่องทางไหนก็ใส่ให้ครบ)
-
ตรวจสุขภาพทางเพศทุก 6-12 เดือน
-
ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงควรสอบถามแพทย์เรื่องการใช้ยา PrEP
-
ไม่ประมาทกับคำว่า “ไว้ใจ” เพราะบางโรคไม่มีอาการให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า!
สรุปให้จำง่ายๆ
เจ็บตอนฉี่ = สัญญาณเตือน ไม่ใช่เรื่องจิ๊บ
ซิฟิลิส / หนองใน / STI อื่นๆ = ไม่รักษา อาจอันตรายถึงชีวิต
รักษาได้ถ้ารู้ไว
ป้องกันได้ถ้าใช้ถุงยางเสมอ
อย่ารอให้ “รักครั้งแรก” กลายเป็น “โรคครั้งใหญ่”