“มันแค่ครั้งเดียวเอง”
“เขาก็ดูสะอาดดีนะ”
“เราใส่ถุงยางตอนแรก…แต่ก็เผลอถอดออกทีหลัง”
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตอนนั้น เพราะเอาเข้าจริง ผมไม่เคยคิดว่าโรคที่เคยเห็นแต่ในหนังสือเรียนอย่าง “ซิฟิลิส” จะมาเกิดกับผม แต่…มันก็เกิดขึ้นจริง และผมอยากเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนอื่นได้รู้ก่อนจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบผม
มันเริ่มจากคืนหนึ่ง…ผมมีเซ็กส์กับคนที่เพิ่งรู้จักจากในแอป เขาดูดี สุภาพ และ “ไม่น่าจะมีอะไร”
ตอนนั้นไม่ใส่ถุงยาง เพราะเขาบอกว่าเพิ่งตรวจแล้วไม่มีเชื้ออะไร…สองสัปดาห์ผ่านไป ผมเจอแผลเล็กๆ แดงๆ ตรงปลายอวัยวะเพศ ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่อะไรเลย ผมคิดว่าอาจจะแค่ขนคุด หรือโดนกางเกงรัดแต่หลังจากนั้น 1 เดือน ผมเริ่มมีผื่นแปลกๆ ที่ฝ่ามือ และฝ่าเท้า แล้วต่อมน้ำเหลืองก็เริ่มโต
แล้วผมก็ไปตรวจ…ผลคือผมเป็นซิฟิลิสระยะที่ 2 ผมช็อกมาก เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าโรคนี้ยังมีอยู่ในยุคนี้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันสามารถไม่มีอาการเจ็บใดๆ ได้เลย โชคดีที่ผมไปตรวจไว หมอฉีดยาให้ทันและติดตามอาการต่อเนื่อง อาการทั้งหมดดีขึ้นในไม่กี่สัปดาห์
แต่เขา…ไม่โชคดีเท่าผม วันนึงผมตัดสินใจทักเขาไป บอกว่า “เราตรวจแล้วพบว่าติดซิฟิลิส”
เขาอ่าน…แต่ไม่ตอบ สองเดือนต่อมาผมบังเอิญเจอชื่อเขาในโพสต์กลุ่มออนไลน์ เพื่อนของเขาโพสต์ขอระดมทุนช่วยค่ารักษาเพราะเขา “มีอาการทางสมอง อาจเกี่ยวกับการติดเชื้อที่ลุกลาม” ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรแน่แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้คือ… ซิฟิลิสไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง แต่มันลามไปถึงสมองและชีวิตจริงได้เลย
สิ่งที่ผมอยากฝากไว้สำหรับใครก็ตามที่ได้อ่าน
ถ้าจะมีเซ็กส์ควรใส่ถุงยางทุกครั้ง ทุกคน
ถ้าเห็นรอยแผลหรือผื่นที่ไม่ปกติก็อย่าชะล่าใจ
ตรวจสุขภาพทางเพศอย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง
ถ้ามีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันควรตรวจทุก 3–6 เดือน
ถ้ามีอาการอย่าอายที่จะตรวจและรักษา เพราะบางครั้ง… “การที่เรารู้ผลเร็วมันไม่ใช่แค่ช่วยเรา…แต่มันอาจช่วยชีวิตใครอีกคนด้วย”