โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ อาจเรียกว่า “กามโรค” สามารถเป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่พบมากในวัยรุ่น เนื่องจากปัจจุบันวัยรุ่นส่วนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง รวมทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ นอกจากนี้  ปัจจุบันคู่แต่งงานมีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้น ทำให้คนมีสามีหรือภรรยาหลายคน จึงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น สิ่งที่อันตรายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คือเป็นแล้วมักจะไม่เกิดอาการแต่สามารถแพร่สู่คู่นอนได้ บางคนจึงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วโดยไม่รู้ตัว และในหญิงตั้งครรภ์สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้

หนองใน

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ และมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือ เป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา

หนองในเทียม

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีอาการแสบปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล และมีมูก ออกเล็กน้อยโดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ

ซิฟิลิส

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum เป็นโรคที่มีอันตราย และมี อาการเรื้อรัง สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี ลักษณะการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็ง แต่ไม่เจ็บที่บริเวณอวัยวะ เพศ หากไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่า เข้าข้อหรือออกดอก ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดโรคแก่ระบบต่าง ๆ ของร่างกายหลายระบบ ทั้งซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้ มารดาที่เป็น โรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis) จึงถือว่าซิฟิลิสเป็นโรคที่มีอันตราย และมีอาการเรื้อรัง สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี

แผลริมอ่อน

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง มักมีหลายแผล ขอบแผลนุ่มและไม่เรียบ ก้นแผลสกปรกมีหนอง มีเลือดออกง่าย เวลาสัมผัสเจ็บปวดมาก บางรายต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวม และเป็นฝี เมื่อฝีแตกจะเป็นแผล

กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง

เกิดจากการติดเชื้อ Chlamydia trachomatis เข้าสู่ร่างกายทางแผลถลอกหรือเยื่อเมือกของอวัยวะเพศ แล้วแพร่ผ่านท่อน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ ต่อมาเกิดเป็นฝีหลายอันล้อมรอบต่อมน้ำเหลืองนั้น หากไม่รักษาฝีจะแตกออกเป็นแผลมีหนอง และจะลุกลามทำให้ท่อและต่อมน้ำเหลืองอุดตันเกิดเป็นแผลเรื้อรังหรือลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น อวัยวะเพศบวม มีหนองปนเลือดไหลออกทางทวารหนัก

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ

  1. ใส่ถุงยางอนามัย หากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่
  2. รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ
  3. ไม่เปลี่ยนคู่นอน หรือยึดมั่นในการมีสามีหรือภรรยาคนเดียว
  4. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ยังอายุน้อย เนื่องจากมีสถิติว่า ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาสติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง
  5. ตรวจโรคเป็นประจำทุกปี เพื่อหาเชื้อโรค แม้จะไม่มีอาการใด ๆ โดยเฉพาะคู่ที่กำลังจะแต่งงาน
  6. เรียนรู้ ศึกษาอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  7. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
  8. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
  9. ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย

วิธีปฏิบัติตัวของผู้ที่เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  1. ต้องรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  2. แจ้งคู่นอนให้ทราบเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและดูแลรักษา
  3. รักษาอาการ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  4. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือการสำเร็จความใคร่เพื่อป้องกันไม่ให้อาการอักเสบลุกลาม
  5. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมาทุกชนิด
  6. ไม่ควรซื้อยารักษาเอง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • รู้จัก "Stand by You" โปรแกรมที่ช่วยปกป้องสุขภาพและตรวจหา HIV ด้วยตัวเอง! อัพเดตสถานการณ์โรคฝีดาษลิงพร้อมสาเหตุ อาการ และขั้นตอนการป้องกัน ต้องรู้ตอนนี้เพื่อสุขภาพที่ดี! ติดตามข้อมูลที่สำคัญได้ใน LINE "@standbyyou" เตรียมพร้อมเสมอ!

  • การสลายตำนานเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ในบทความนี้ พบกับ 10 ความจริงที่ควรรู้ เพื่อป้องกันและ ดูแลสุขภาพทางเพศของคุณ!